Radiesse Plus (Reset Plus) โปรแกรมรีเซ็ตกรอบหน้าชัด
- adalineaesthetics
- 19 ส.ค. 2567
- ยาว 1 นาที
อัปเดตเมื่อ 23 ส.ค. 2567
เมื่อเราอายุมากขึ้น จะมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของผิวหนังและใบหน้า โดยในชั้นผิวหนังจะมีองค์ประกอบผิวที่ลดลง ผิวขาดความยืดหยุ่น ชั้นไขมันและชั้นกระดูกมีความยุบตัวลงทั้งหมด จึงขาดการพยุงของโครงหน้า ส่งผลให้ใบหน้ามีความหย่อนคล้อย โครงหน้าไม่ชัด และรูปทรงใบหน้าจะเปลี่ยนจาก V shape เป็น U shape ดังในภาพ

Radiesse Plus คืออะไร ?
คือ นวัตกรรมสารฉีดเพื่อสร้างโครงหน้าให้ชัด โดยมีส่วนประกอบหลักคือ CaHA microsphere (Calcium Hydroxylapatite) และส่วนที่เป็นเจลคือ Sodium carboxy-methylcellulose (CMC)
Radiesse Plus มีความปลอดภัย เนื่องจากได้รับการรับรองจาก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) จาก 3 ประเทศคือ US(สหรัฐอเมริกา) EU(สหภาพยุโรป) และประเทศไทย
อีกทั้งเป็นผลิตภัณฑ์ที่แพทย์ความงามทั่วโลกใช้ในการรักษามาเป็นระยะเวลานานกว่า 9 ปี

มีกลไกการทำงานอย่างไร ?
หลังการฉีดในช่วงแรก CMC gelจะทำหน้าที่เข้าไปเติมเต็มชั้นใต้ผิวหนังในบริเวณที่ฉีด(คือ โหนกแก้ม แนวกราม และกรอบหน้า) ส่งผลให้ใบหน้ามีความยกกระชับ โครงหน้าดูมีมิติ กรอบหน้าชัด ซึ่งCMC gel จะค่อยๆสลายไปตามระบบของร่างกาย ในขณะที่สารCaHA จะใช้เวลา 3-4 สัปดาห์ในการเริ่มเข้าไปกระตุ้นกระบวนการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนังให้ผลิตเส้นใยคอลลาเจนได้เร็วขึ้น และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทำให้เกิดโครงสร้างผิวใหม่ที่มีความหนาแน่นและแข็งแรงขึ้นมาแทน
ผลลัพธ์หลังทำ

หลังทำทันที จะเห็นผลคือ ใบหน้ายกกระชับ กรอบหน้า โครงหน้าชัดขึ้น หลังจากนั้น เมื่อสารCaHA เริ่มทำงาน (3-4 สัปดาห์หลังฉีด) คุณภาพผิวจะค่อยๆดีขึ้นจากการที่มีโครงสร้างผิวที่แน่นขึ้น ซึ่งผลลัพธ์นี้จะอยู่ได้ยาวนานถึง 18-24 เดือน
สามารถคงผลลัพธ์ต่อเนื่องได้ 2 ปี

Radiesse Plus เหมาะกับใคร ?
ผู้ที่อายุยังน้อย (แต่ต้อง > 18 ปี) ยังไม่มีความหย่อนคล้อย
- ต้องการเพิ่มมิติให้ใบหน้า
- ต้องการปรับโครงสร้างใบหน้าให้ได้สัดส่วนมากขึ้น
- ต้องการเพิ่มความชัดให้กรอบหน้า เช่นในผู้ชายที่ต้องการให้สันกรามดูคมมากขึ้น
ผู้ที่อายุมาก ใบหน้ามีความหย่อนคล้อย
- ต้องการให้ใบหน้ายกกระชับขึ้น
- ต้องการให้กรอบหน้าดูชัดขึ้น
Radiesse Plus แตกต่างจากFillerทั่วไปอย่างไร ?
เนื่องจาก Radiesse Plus ประกอบด้วย CaHA ซึ่งจะเข้าไปกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนตามธรรมชาติ จึงช่วยให้คุณภาพของผิวดีขึ้นในระยะยาว
ในขณะที่Fillerทั่วไป ประกอบด้วย Hyaluronic acid จึงเน้นการเติมปริมาตรของผิว
ข้อควรระวัง
1. ผู้ที่มีประวัติแพ้ยาชา หรือแพ้ส่วนประกอบใดๆของผลิตภัณฑ์
2. ผู้ที่เคยมีประวัติการแพ้อย่างรุนแรง (Anaphylaxis)
3. ผู้ที่มีภาวะเลือดออกผิดปกติ
4. ผู้ที่มีการอักเสบของผิวหนังหรือมีการติดเชื้อของผิวหนังในบริเวณที่ต้องการฉีด
5. สตรีมีครรภ์ หรือให้นมบุตรอยู่
การปฏิบัติตัว
ก่อนการเข้ารับบริการ
งดวิตามิน อาหารเสริม ที่ทำให้เลือดออกง่าย เช่น วิตามินซี, วิตามินอี, หรือ น้ำมันปลา
อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนทำหัตถการ
งดการทำหัตถการอื่นๆที่อาจทำให้เกิดแผลบริเวณใบหน้า เป็นเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์
แจ้งเจ้าหน้าที่หากท่านรับประทานยาที่เกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด โรคประจำตัว และการแพ้ยาต่างๆ ก่อนทำหัตถการ
หลังการรับบริการ
หลังฉีดอาจจะเกิดการบวม ระบม หรือช้ำในบริเวณที่ทำการรักษาได้ ซึ่งอาการเหล่านี้จะดีขึ้นภายใน 1-2 สัปดาห์ สามารถทานยาแก้ปวด ได้ ในกรณีที่มีอาการปวด และทายาเพื่อลดการเกิดรอยช้ำได้ ตามคำแนะนำของแพทย์
24 ชั่วโมงหลังการฉีด
ㆍงดการแต่งหน้า ทาครีมบำรุง
ㆍสามารถประคบเย็น เพื่อช่วยลดอาการบวมและช้ำหลังการฉีด
1-2 สัปดาห์หลังการฉีด
ㆍอาจมีอาการปวด ระบม สามารถรับประทานยาแก้ปวดได้
ㆍหลีกเลี่ยงแสงแดดจัด การออกกำลังกายหนักๆ การเข้าซาวน่า และการทำหัตถการอื่นๆบริเวณใบหน้า
ㆍ อาจคลำพบก้อนใต้ผิวหนัง สามารถนวดเบาๆได้
ค้นหารายชื่อคลินิก
ที่ให้บริการโปรแกรมได้ที่ https://www.merzaesthetics.co.th/search-result/
Comments